Tuesday, June 19, 2018

โรคติดอินเตอร์เน็ต

โรคติดอินเตอร์เน็ต
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โรคติดอินเทอร์เน็ต คือ
ผู้ที่มีอาการเสพติดอื่นๆ มักจะมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคเสพติดอินเทอร์เน็ต
อาการติดอินเทอร์เน็ตเป็นความผิดปกติทางจิตใจที่ทำให้คนที่ติดใช้เวลากับคอมพิวเตอร์มากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ การทำงาน การเงิน หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น ค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตของสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ฉบับที่ 5 (DSM-5)
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเชื่อว่าอาการเสพติดอินเทอร์เน็ต หรือโรคติดอินเทอร์เน็ต หรือ IAD นั้น สามารถทำให้เกิดผลเช่นเดียวกับการติดสารเสพติดหรือการติดพนัน บทความปี ค.ศ. 2012 ใน Current Psychiatry Reviews ได้บันทึกไว้ว่า การติดอินเทอร์เน็ตจะทำลายชีวิตโดยทำให้เกิดอาการทางประสาท วุ่นวายทางจิตใจ และเกิดปัญหาในการเข้าสังคม

มีคนเสพติดอินเทอร์เน็ตมากน้อยแค่ไหน

ยังไม่มีการศึกษาอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตมากนัก จึงไม่อาจทราบได้ว่าจริงๆแล้วมีคนที่มีอาการนี้มากน้อยแค่ไหน แต่จากการศึกษาใน The American Journal of Drug and Alcohol Abuse พบว่า กว่า 8.2% ของชาวอเมริกันอาจเป็นโรคเสพติดอินเทอร์เน็ต การศึกษาอื่นๆ ก็คาดการณ์ว่าความผิดปกตินี้อาจส่งผลเสียต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตวัยนักศึกษามากกว่า 18% ข้อมูลจาก Internet Addiction: A Handbook and Guide to Evaluation and Treatment
แม้ว่าทุกคนทุกเพศทุกวัยสามารถมีอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตได้ แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้มักจะเป็นผู้ชายในช่วงวัยรุ่น ช่วงอายุ 20 และ 30 ปี รายงานบางรายงาน กล่าวว่า โรคเสพติดอินเทอร์เน็ตเป็นปัญหาที่รุนแรงโดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย ตามรายงานของรอยเตอร์ในปี ค.ศ. 2013 เยาวชนอายุ 10-19 ปี ของประเทศเกาหลีใต้มีอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตและประเทศจีนได้พัฒนาค่ายฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างเข้มงวดในแบบทหารเพื่อควบคุมให้ผู้ที่เสพติดอินเทอร์เน็ตห่างไกลจากการทำกิจกรรมออนไลน์ รายงานปี ค.ศ. 2012 ใน China Daily ให้ข้อมูลว่า ประเทศจีนมีครูฝึกในค่ายมากกว่า 1,500 คนที่มีใบอนุญาตในการรักษาอาการเสพติดอินเทอร์เน็ต

ปัจจัยเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน

คนที่จะเป็นโรคเสพติดอินเทอร์เน็ตมักจะรู้สึกโดดเดี่ยวในสังคมอยู่แล้ว พวกเขาอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ และคนที่เสพติดสิ่งอื่นๆ เช่น ติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด เซ็กซ์ หรือการพนัน จะมีความเสี่ยงที่จะเสพติดอินเทอร์เน็ตสูง จากการศึกษามีพบว่าคนที่ติดอินเทอร์เน็ตยังมีความเสี่ยงต่อสุขภาพจิตอื่นๆ เช่น
  • ภาวะซึมเศร้า
  • วิตกกังวล
  • รู้สึกต่อต้าน
  • วิกลจริต
  • โดดเดี่ยวทางสังคม
  • เป็นโรคขาดความยับยั้งชั่งใจ (Impulse control problems)
  • เป็นโรคใช้สารเสพติด เช่น การติดแอลกอฮอล์หรือติดยาเสพติด

อาการของคนที่ติดอินเทอร์เน็ต

โรคติดอินเทอร์เน็ตไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ความสนใจหรืองานอดิเรกที่เป็นความชอบส่วนตัวของใครของมันเพียงอย่างเดียว ถ้าเกิดเป็นโรคติดอินเทอร์เน็ตขึ้นมาจริงๆ อาจส่งผลให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้
  • เกิดผลเสียต่อการเรียนและการงาน
  • ลดการมีส่วนร่วมกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
  • หมดความสนใจในงานอดิเรกหรือการแสวงหาความรู้ใดๆ
  • รู้สึกวิตกกังวลเวลาไม่ได้เล่นคอมพิวเตอร์
  • เวลาไม่ได้เล่นคอมพิวเตอร์ คุณจะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะกลับไปเล่นมัน
  • โกรธหรือมีปฏิกิริยาป้องกันตัวเองเมื่อมีคนแสดงความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของคุณ
  • เริ่มที่จะปกปิดการใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต
คนที่เป็นโรคติดอินเทอร์เน็ตอาจใช้เวลามากมายไปกับกิจกรรมออนไลน์ดัง ต่อไปนี้
  • เล่นเกม
  • เล่นการพนัน
  • เล่นหุ้น
  • ช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์
  • "ช้อปปิ้ง" เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในเว็ปหาคู่
  • ไซเบอร์เซ็กซ์หรือภาพลามกอนาจาร
  • โซเชียล มีเดีย
กิจกรรมเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อคุณอย่างรุนแรงได้หากคุณหมกมุ่นกับมันมากเกินไป เช่น ทำให้มีปัญหาด้านความสัมพันธ์หรือปัญหาทางการเงิน

การถอนตัวจากการติดอินเทอร์เน็ต

อาการเสพติดอินเทอร์เน็ตทำให้มีสารโดพามีนในสมองมากเกินไปเช่นเดียวกับพฤติกรรมเสพติดสิ่งอื่นๆ นั่นหมายความว่าคนที่ติดอินเทอร์เน็ตจะรู้สึกดี "มาก" เวลาได้อยู่กับคอมพิวเตอร์และพวกเขายังรู้สึกมีอาการขาดด้วยเวลาไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต อาการที่เกิดจากการถอนตัวจากอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย ซึมเศร้า หงุดหงิด วิตกกังวล เหงื่อออกหรือสั่น นอนไม่หลับอารมณ์เปลี่ยนแปลง และในบางเคสจะมีอาการแยกความคิดออกจากความเป็นจริง
ข้อมูลในรายงานปี ค.ศ. 2014 จาก Psychiatry Investigation แสดงถึงผู้ป่วยเคสหนึ่งเป็นชายอายุ 25 ปีกำลังพัฒนาอาการทางจิตเต็มที่ (full-blown psychotic) หลังหยุดเล่นเกมอินเทอร์เน็ตที่เขาเล่นอยู่ประจำเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาสองปี

การวินิจฉัยโรคเสพติดอินเทอร์เน็ต

แบบสอบถามที่หลากหลายได้พยายามวินิจฉัยโรคเสพติดอินเทอร์เน็ตทางวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ยังไม่มีระบบการให้คะแนนใดๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัย แต่คำถามบางคำถามก็บ่งชี้ถึงอาการติดอินเทอร์เน็ตได้ เช่น
  • คุณกำลังหมกมุ่นอยู่กับการใช้อินเทอร์เน็ตใช่หรือไม่
  • คุณไม่สามารถต้านทานความต้องการเล่นอินเทอร์เน็ตของคุณได้ใช่หรือไม่
  • คุณต้องใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อให้ตัวเองรู้สึกพอใจใช่หรือไม่
  • เวลาที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ คุณพบว่าตัวเองอารมณ์เสีย กังวล หงุดหงิดหรือเบื่อ
  • เมื่อคุณอารมณ์ไม่ดีหรือหงุดหงิด คุณจะหันมาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผ่อนคลายใช่หรือไม่
  • คุณเล่นอินเทอร์เน็ตออนไลน์เป็นเวลานานเกินกว่าที่คุณควรจะเล่นใช่หรือไม่
  • คุณพยายามที่จะลดเวลาออนไลน์ของคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป ใช่หรือไม่
  • คุณมีอาการทางกายภาพใดๆจากการออนไลน์มากไป (ปวดหลัง ปวดตา) หรือไม่ คุณยังคงใช้อินเทอร์เน็ตแม้จะมีอาการเหล่านี้ใช่หรือไม่
  • คุณมีปัญหากับที่โรงเรียนหรือที่ทำงานของคุณเนื่องจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณหรือไม่ คุณยังคงใช้อินเทอร์เน็ตแม้จะมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่
  • คุณมีปัญหาความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อนเนื่องจากการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณหรือไม่ คุณยังคงใช้อินเทอร์เน็ตแม้จะมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่
  • คุณเคยใช้อินเทอร์เน็ตละเมิดกฎหมายทั้งที่คุณรู้หรือไม่

การรักษาอาการติดอินเทอร์เน็ต

ในบางเคส โรคเสพติดอินเทอร์เน็ตพัฒนามาจากการหนีปัญหาอื่นๆ เช่น ความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า ยาที่ใช้ในการรักษาความผิดปกติเหล่านี้ เช่น ยากล่อมประสาทหรือยาต้านความกังวล ซึ่งอาจช่วยในการรักษาโรคเสพติดอินเทอร์เน็ตได้ ตัวอย่างของยากล่อมประสาทที่รักษาอาการติดอินเทอร์เน็ตได้ เช่น
  • Celexa (citalopram) – Seroquel (quetiapine) ใช้รักษาร่วมกัน
  • Lexapro (escitalopram)
  • Vivitrol (naltrexone)
  • Wellbutrin (buproprion)
ปรึกษากับแพทย์หากคุณต้องการใช้ยาเพื่อรักษาอาการติดอินเทอร์เน็ต
การศึกษาพบว่าการออกกำลังกายอาจช่วยลดระดับโดพามีนของคนที่เสพติดอินเทอร์เน็ตที่อยู่ระหว่างการรักษา เนื่องจากมีการลดการออนไลน์ นอกจากนี้ ความคิดและพฤติกรรมบำบัดสามารถช่วยรักษาอาการบางอย่างของการติดอินเทอร์เน็ตได้ เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล การบำบัดที่มุ่งให้เปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ อาจใช้เพื่อรักษาเสพติดอินเทอร์เน็ต
อาการเสพติดอินเทอร์เน็ตอย่างรุนแรงหรือการเสพติดที่ซับซ้อนจากการติดพนันหรือติดสารเสพติด อาจจำเป็นต้องใช้โปรแกรมรักษาที่เข้มข้นหรือแม้กระทั่งการรักษาผู้ป่วยใน ถ้าคุณเข้ารับการรักษา เป้าหมายของคุณไม่ควรเป็นการตัดการใช้อินเทอร์เน็ตออก แต่ควรจะเป็นการลดให้อยู่ในระดับที่ปกติซึ่งจะช่วยให้คุณยังทำงานและรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวได้
แหล่งที่มาข้อมูล https://www.honestdocs.co/internet-addiction

Cloud Computing

Cloud Computing

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ cloud computing คือ
รู้จักเทคโนโลยี Cloud Computing
เทคโนโลยีในการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์กำลังจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากการที่ผู้ใช้งานต้องเตรียมหรือติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองการทำงานไว้ที่สำนักงานด้วยตัวเอง ไปเป็นการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ Cloud Computing
Cloud Computing ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่เสียทีเดียว ในขณะนี้ Cloud Computing เป็นเทคโนโลยีที่พร้อมให้บริการแล้ว แต่อาจจะยังไม่แพร่หลายนักเนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักว่า Cloud Computing คืออะไร บ้างก็ยังไม่เข้าใจหรือยังมองไม่ออกว่า Cloud Computing จะให้ประโยชน์ต่อการดำเนินงานหรือธุรกิจขององค์กรได้อย่างไร
เช่นนั้นมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Cloud Computing กันสักหน่อย
Cloud Computing เป็นเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เราใช้งานกันอยู่คือมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลและเก็บข้อมูล แต่ Cloud Computing เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่มากๆ รองรับการใช้งาน การประมวลผล ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมหาศาล
Cloud Computing สามารถจำแนกตามการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ…
  • Infrastructure as a Service (IaaS) เป็นโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์คือ มีทั้งหน่วยประมวลผล ระบบเครือข่าย และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้ใช้งาน
  • Platform as a Service (PaaS) เป็นการใช้งานเกี่ยวกับแพลตฟอรม์ต่างๆ เช่น การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่นหรือโมบายแอปพลิเคชั่น เป็นต้น
  • Software as a Service (SaaS) เป็นการใช้งานทางด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งภายใต้ระบบหรือเทคโนโลยี Cloud Computing จะมีซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน เช่น ซอฟต์แวร์ทางบัญชี ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการโรงแรม และอื่นๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ ให้ใช้งาน
สรุปก็คือ Cloud Computing เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่พร้อมรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล การทดสอบระบบหรือติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องติดตั้งระบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ที่สำนักงานให้ยุ่งยาก แต่สามารถใช้งานในสิ่งที่ต้องการได้ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบ Cloud Computing ผ่านอินเทอร์เน็ต
ในการเชื่อมต่อกับระบบหรือการใช้งานผ่าน Cloud นั้นแท้จริงไม่ใช่การทำงานผ่านก้อนเมฆหรืออากาศที่ไม่มีตัวตนแต่อย่างใด แต่เป็นการเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ Data Center ของผู้ให้บริการนั่นเอง ซึ่งศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ภายใต้ระบบที่ีมีมาตรฐานและความปลอดภัยอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น การที่สามารถเชื่อมต่อและใช้งานระบบได้ผ่านอินเทอร์เน็ตทำให้การทำงานไม่ถูกจำกัดอยู่ในสถานที่หนึ่งสถานที่ใดอีกต่อไป แต่สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งโน้ตบุ้ก สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
ในภาพรวมอาจจะดูเหมือนว่า Cloud Computing เป็นระบบที่เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว Cloud Computing เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพราะบริการต่างๆ ของ Cloud Computing นอกจากแยกตามประเภทการใช้งานแล้ว ยังมีการคิดค่าบริการตามขอบเขตที่ใช้งานจริงของแต่ละองค์กรด้วย
เช่น บริการเกี่ยวกับ Cloud Computing ของ CS LOXINFO ในส่วนของซอฟต์แวร์อย่างแอปพลิเคชั่น More+ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นค้าปลีก แม้จะเป็นร้านค้าขนาดเล็กอย่างร้าน Kios ก็สามารถใช้งานได้ โดยมีค่าบริการเพียงหลักร้อยบาทต่อเดือนเท่านั้น
หรือบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Cloud Storage) อย่าง WeCloud ซึ่งช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลขององค์กรมีความสะดวกและความปลอดภัยมากกว่าการเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ ผู้ใช้ก็สามารถเลือกใช้พื้นที่เท่าที่ต้องการและจ่ายค่าบริการตามที่ใช้งานจริง ซึ่งมีความคุ้มค่าอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับคุณสมบัติและประโยชน์ที่จะได้รับ
แหล่งที่มาข้อมูล dccloud.csloxinfo.com/th/wecloud01/

Social Network โซเชียล เน็ตเวิร์ค

Social Network โซเชียล เน็ตเวิร์ค

ในปัจจุบันไม่มีใครไม่รู้จัก “Social Network” อย่างแน่นอน โดยเป็น “เครือข่ายสังคมออนไลน์” ที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนเกือบทุกด้าน ซึ่งทุกคนในสังคมปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของ Social Network ทั้งสิ้น แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้และเข้าใจอย่างแท้จริงว่า Social Network คืออะไร มีอะไรบ้าง และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง…?
Social Network คืออะไร
Social Network (โซเชียล เน็ตเวิร์ค) คือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือเป็นการบริการที่เชื่อมโยงคนหลายคนเข้าไว้ด้วยกันผ่านอินเตอร์เน็ต ตัวอย่างของ Social Network ได้แก่ Facebook Twitter Hi5 Blogger เป็นต้น ซึ่งเปรียบเหมือนสังคมจำลองเสมือนจริงนั่นเอง และในปัจจุบันนอกจาก Social Network จะเป็นสังคมออนไลน์แล้ว ยังเป็นเครื่องมือทางการตลาดซึ่งเป็นที่นิยมอีกด้วย
Social Network
Facebook และ Twitter – Social Network ยอดนิยม
Social Network มีกี่ประเภท…?
Social Network สามารถแบ่งแยกออกได้ตามรูปแบบ และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ดังต่อไปนี้
1. Blog (บล็อก) เป็นเว็บไซต์รูปแบบหนึ่งที่มีการเชื่อมโยงผู้คน ทั้งผู้อ่านและผู้เขียนเข้าเป็นสังคมเดียวกัน
2. Microblog (ไมโครบล็อก) เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กที่สามารถส่งข้อความหากันได้ เช่น Twitter
3. Social Network Website (โซเชียล เน็ตเวิร์ค เว็บไซต์) เป็นเว็บไซต์สังคมออนไลน์ ได้แก่ Facebook hi5 เป็นต้น ซึ่งสามารถแชร์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ บทความ เพลง และลิ้งค์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็น การกดไลค์ การอภิปราย
4. Bookmark Social Site (โซเชียลบุ๊คมาร์ค) เป็นเว็บไซต์ที่สามารถให้เราเก็บหน้าเว็บไซต์ที่ชื่นชอบไว้ได้
ประโยชน์ของ Social Network
เป็นการเชื่อมต่อที่ช่วยให้ข้อมูล ข่าวสารรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนสามารถสื่อสารกันได้สะดวก ง่ายดาย และประหยัดเวลา นอกจากนี้ยังทำให้โลกกว้างขึ้นอีกด้วย เพราะทำให้หลายคนต่างก็มีสังคมที่กว้างขึ้น รู้จักกันเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างรายได้อีกด้วย
แต่ก็ใช่ว่า Social Network จะมีแต่ข้อดี เพราะถึงแม้จะเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ก็จริง แต่ถ้านำไปใช้ไม่ถูกทาง หรือเหมาะสมก็ก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น การแชร์ข้อมูลข่าวสารที่ผิดจากความเป็นจริง เป็นต้น ดังนั้น Social Network จะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ของแต่ละคน…
ดังนั้น Social Network จึงเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นโลกจำลองเสมือนจริง โดยทุกคนสามารถติดต่อสื่อสาร
และรับทราบข้อมูลได้อย่างสะดวก
รวดเร็ว …
แหล่งที่มาข้อมูล https://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/social-network/

Telnet แทลเน็ต

Telnet แทลเน็ต
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ telnet คือ
Telnet คืออะไร
     Telnet คือ บริการที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยการใช้ Internet หากคุณได้รับสิทธิ์ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นจากเจ้าของเครื่องหรือผู้ดูแล Telnet จะยินยอมให้คุณพิมพ์คำสั่งที่ใช้สำหรับการเข้าถึงโปรแกรมและการบริการต่างๆ ที่อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ระยะไกล ราวกับว่าคุณนั่งอยู่ตรงข้างหน้าเครื่องดังกล่าว สามารถใช้ Telnet ทำงานได้หลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงอีเมล ฐานข้อมูล หรือแฟ้ม ซึ่งบริการ Telnet นี้จะทำงานในเครื่องบริการที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Unix หรือ Linux ตัวอย่างโปรแกรม เช่น NCSA Telnet 

     ปัจจุบันการใช้โปรแกรมนี้เริ่มลดลง เพราะมีจุดบกพร่องเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากอาจมีผู้ไม่หวังดี ใช้ Telnet แล้วแอบเก็บข้อมูลของเครื่องอื่นไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้ วิธีป้องกัน เพื่อไม่ให้ถูกขโมยข้อมูลผ่าน Telnet คือใช้โปรแกรม SSH (Secure Shell) ซึ่งเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่ง ทำให้ผู้ลักลอบไม่สามารถเห็นข้อมูลที่แท้จริง ปัจจุบันระบบปฏิบัติการ Unix หรือ Linux จะมีบริการ SSH เสมอ 


ข้อมูลอ้างอิง
http://www.mcp.ac.th
http://windows.microsoft.com
http://www.beartai.com

Remote Control รีโมตคอนโทรล

Remote Control รีโมตคอนโทรล
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Remote control วิชาเทคโนโลยี
รีโมตคอนโทรล (อังกฤษremote control) คือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับควบคุมการดำเนินการของสิ่งประดิษฐ์หรือเครื่องจักรต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเช่น โทรทัศน์ เครื่องเสียง เครื่องเล่นดีวีดี จากระยะไกล โดยไม่ใช้สายไฟเป็นตัวส่งสัญญาณ แต่ใช้อินฟราเรดแทน (หรือใช้สัญญาณวิทยุแต่พบได้น้อย) ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาดเล็กไม่กี่ก้อนเท่านั้น มีขนาดเหมาะมือ และมีปุ่มฟังก์ชันต่างๆ อยู่ครบครัน
รีโมตคอนโทรล เป็นการเรียกย่อมาจาก รีโมตคอนโทรลเลอร์ (remote controller) อีกต่อหนึ่ง และสามารถเรียกย่อลงได้อีกเหลือเพียง รีโมต (อ่านว่า รี-โหมด) ในภาษาไทยสามารถใช้คำไทยแทนได้ว่า เครื่องควบคุมระยะไกล หรือ อุปกรณ์ควบคุมระยะไกล
รีโมทคอนโทรล จะสามารถสั่งงานได้ ต้องประกอบด้วย2สิ่งนี้คือ รหัส และ ตัวส่งสัญญาณ 1.รหัส(Code) เป็นระบบสัญญาณจะนำออกได้ต้องมีตัวคลื่นพานำออกไป 2.ตัวส่งสัญญาณ(Carrier) ตัวรับสัญญาณ เพื่อถอดหรือรับรหัสที่ถูกส่งมาใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ

Blog บล็อก

Blog บล็อก
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ blog คือ
บล็อก (Blog) คือเว็บไซด์รูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกับการเขียนไดอารี่ หรือ บันทึกส่วนตัว ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากเราใช้ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน
- คำว่า "Blog" มาจากคำเต็มว่า "Weblog" (ตัด We ทิ้ง คงเหลือแต่ blog) ซึ่งโดยนัยแล้วหมายถึง การบันทึกข้อมูล(Log) บน เว็บ(Web) นั่นเอง 
- โดยผู้ที่เขียนบล๊อกเป็นอาชีพ จะถูกเรียกกันว่า "บล็อกเกอร์" (Blogger
- จุดเด่นที่สำคัญของ Blog คือ จะมีระบบที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันได้ โดยผ่านทางระบบ Comment ของบล๊อก

Blog ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

ทำBlog เป็นเว็บไซด์ส่วนตัว เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้อื่นๆ เช่น บันทึกไดอารี่ 
เขียนBlog เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ นำเสนอสิ่งที่ตนเองรู้ หรือสิ่งที่ตนเองสนใจ เพื่อแบ่งปันให้กับผู้อื่น
สร้างBlog ทำเป็นเว็บไซด์เพื่อใช้ในการโปรโมทธุรกิจ ร้านค้า บริการต่างๆ
ใช้Blog ในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce)
- นอกจากนี้ Blog ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่นิยมใช้กับเพื่อหารายได้จาก Internet Marketing



แหล่งที่มาข้อมูล www.jojho.com/2013/05/what-is-blog.htm

การสื่อสารเวลาจริง

การสื่อสารเวลาจริง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การสนทนาเวลาจริง คือ
การสื่อสารในเวลาจริง (real time communication)
เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลที่สามารถโต้ตอบกลับได้ทันทีผ่านเครือข่ายการสื่อสาร สามารถส่งเป็นข้อความภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง ไปยังผู้รับ ในการสื่อสารนี้ผู้ใช้จะต้องเช้าใช้ระบบในเวลาเดียวกันและข้อความจะถูกส่งจากผู้ใช้คนหนึ่งไปยังผู้ใช้ทุกคนในกลุ่มได้ ตัวอย่างการสื่อสารในเวลาจริง เช่น การแชท ห้องคุย และวอยซ์โอเวอร์ไอพี
                แชท (chat)
เป็นการสนทนาผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งระหว่างบุคคล 2 คน หรือ ระหว่างกลุ่มบุคคล โดยอาศัยโปรแกรมประยุกต์ เช่น Windows Live และ Yahoo messenger
                ห้องคุย (chat room)
เป็นการสนทนาที่ผู้ใช้สามารถเลือกประเภทของหัวข้อที่สนใจซึ่งแบ่งไว้เป็นห้องต่างๆ เพื่อพูดคุยกันระหว่างบุคคลหรือกลุ่ม การสนทนารูปแบบนี้อำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดเวลาในการสื่อสารข้อความไปยังบุคคลต่างๆ โดยอาจสื่อสารในรูปข้อความ การแบ่งปันไฟล์ หรือ การใช้เว็บแคมควบคู่กันไประหว่างการสื่อสาร
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอินเทอร์เน็ตเทเลโฟนี (internet telephony) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถคุยกับผู้อื่นผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยวอยซ์เวอร์ไอพีใช้ อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อเข้ากับคู่สนทนาที่อาจอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือพื้นที่ที่ห่างไกลออกไป โดยเสียงของผู้พูดจะถูกแปลงให้อยู่ในรูปสัญญาณดิจิทัลแล้วส่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปถึงผู้รับปลายทาง

แหล่งที่มาข้อมูล  https://sites.google.com/site/turkanddew/kar-suxsar-ni-wela-cring